พระราชวังพญาไท
วันที่ไปชม 7 กรกฎาคม 2555
เรียนกันมาทั้งอาทิตย์ เป็นเด็กเทพต้องต่อสู้กับสภาพรถติด เรียนไม่กี่ชั่วโมงต่อวันก็เหมือนเรียนกันทั้งวัน ออกเช้ากลับเย็นค่ำ เสาร์ อาทิตย์ จะไปไหนไกลก็อาจจะไม่ค่อยไหว สัปดาห์นี้กำลังหาที่เที่ยวเผื่อน้องดรีม เอาใกล้ๆและในเมือง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คุณแทนเกิดอุบัติเหตุพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ยังไงก็ต้องไปเยี่ยม (คุณแทนเคยเลี้ยงหนูดรีมมาอ่ะนะ) แม่เลยหาใหญ่จะไปที่ไหนดี ไม่ใกล้ไม่ไกล เอาในโรงพยาบาลเลย ของดีใจกลางเมืองแบบนี้ พระราชวังพญาไท
สถานที่ร่มรื่นมาก มีสนามหญ้ากว้างอยู่หน้าโรงพยาบาล
วิวแบบถ่ายภาพสวยๆได้สบาย เห็นมีช่างภาพทั้งมือจริง
มือสมัครเล่นมาถ่ายรูปนางแบบสวยๆด้วย
การเดินทาง
ง่ายมากๆ พระราชวังพญาไทอยู่ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ไปรถไฟฟ้า BTS สบายลงอนุสาวรีย์
นั่งแท๊กซี่ย้อนกลับมานิดนึง ขับรถไปเองอาจจะหาที่จอดยาก
ค่าเข้าชม
ฟรี แต่เราสามารถช่วยบริจาคเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษา
เวลาเยี่ยมชม
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
โดยจะมีวิทยากรน่าชมวันละ 2 รอบ คือเวลา 09.30 น. และ 13.00 น. ถ่ายรูปได้ค่ะ
ไปชมเองก็ได้นะคะ ไม่ต้องรอรอบ
แต่ไม่มีใครอธิบายให้ฟัง ต้องอ่านเอง และจะไม่ได้เข้าชม วันนั้นที่ไปก็ไม่ได้รอค่ะ
เพราะน้องมีเรียนเปียโนตอนบ่ายโมง
1,2,3... ไปชมกันได้แล้ว
ก่อนอื่นเขียนชื่อเข้าชม พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ใจดี สุภาพ
และมี service mind เอามากๆ
ค่ะ มีโบรชัวร์เป็นตัวช่วยเวลาเดินชม เพราะไม่ได้ไปรอบวิทยากร
ประวัติเล็กน้อย
ประวัติเล็กน้อย
พระราชวังพญาไทถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เพื่อใช้ในการเสด็จแปรพระราชฐาน(เปลี่ยนสถานที่ประทับไปอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว.) และได้ใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถตราบจนเสด็จสวรรคต
(ไปสู่สวรรค์, ตาย)
ต่อมารัชกาลที่ 6 (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ได้เสด็จประทับเป็นครั้งคราวและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสร้างพระตำหนักน้อยเป็นเรือนไม้สักสองชั้นพระราชทานนามว่า
(ตั้งชื่อ) พระตำหนักเมขลารูจี ต่อมา
มีการก่อสร้างพระที่นั่งน้อยใหญ่ขึ้นอีกหลายองค์
พระตำหนักเมขลารูจี
เป็นเรือนไม้สัก 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องดินเผา ภายในเป็นห้องโถงต่อเนื่องกัน มีสระสรง ใช้เป็นที่สรงน้ำหลังจากทรงพระเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ต่อมา เมื่อการก่อสร้างพระราชมณเฑียรแล้วเสร็จ
ตำหนักนี้ รู้สึกจะเปิดให้ชมเฉพาะ รอบพิธีกรนะคะ
พระตำหนักเมขลารูจี
เป็นเรือนไม้สัก 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องดินเผา ภายในเป็นห้องโถงต่อเนื่องกัน มีสระสรง ใช้เป็นที่สรงน้ำหลังจากทรงพระเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ต่อมา เมื่อการก่อสร้างพระราชมณเฑียรแล้วเสร็จ
ตำหนักนี้ รู้สึกจะเปิดให้ชมเฉพาะ รอบพิธีกรนะคะ
พระที่นั่งพิมานจักรี
ซึ่งเป็นพระที่นั่งประธานของหมู่พระที่นั่ง มียอดโดมสูงสำหรับชักธงมหาราช ธงจะถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาเฉพาะเวลาที่พราะเจ้าแผ่นดินประทับอยู่เท่านั้น ภายในห้องต่างๆ บนเพดานจะมีจิตรกรรมสีปูนแห้ง มีห้องสำคัญ เช่น
ซึ่งเป็นพระที่นั่งประธานของหมู่พระที่นั่ง มียอดโดมสูงสำหรับชักธงมหาราช ธงจะถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาเฉพาะเวลาที่พราะเจ้าแผ่นดินประทับอยู่เท่านั้น ภายในห้องต่างๆ บนเพดานจะมีจิตรกรรมสีปูนแห้ง มีห้องสำคัญ เช่น
ห้องธารกำนัลเป็นห้องสำหรับเสด็จออกให้เฝ้าเป็นการส่วนพระองค์
ห้องบรรทมของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาในรัชกาลที่ 6
ห้องทรงพระอักษร ซึ่งอยู่ใต้โดมบนชั้นสอง
พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน
อยู่ต่อจากพระที่นั่งพิมานจักรีไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะแบบโรมันเนสก์ เดิมสูง 2 ชั้น ต่อมาได้ต่อเติมชั้น 3 ขึ้นเพื่อจัดเป็นห้องพระบรรทมและห้องทรงงานส่วนพระองค์
พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส
อยู่ทางตะวันตกของพระที่นั่งพิมานจักรี และมีทางเชื่อมต่อกันที่ชั้น 2 จัดเป็นที่ประทับของฝ่ายใน มียอดโดมขนาดเล็กสำหรับเชิญธงราชินีขึ้นสู่ยอดเสาในเวลาที่สมเด็จพระบรมราชินีประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้เพียงลำพังพระองค์ ที่ฝาผนังตอนใกล้เพดานและเพดานมีจิตรกรรมแบบอาร์ตนูโว
อยู่ทางตะวันตกของพระที่นั่งพิมานจักรี และมีทางเชื่อมต่อกันที่ชั้น 2 จัดเป็นที่ประทับของฝ่ายใน มียอดโดมขนาดเล็กสำหรับเชิญธงราชินีขึ้นสู่ยอดเสาในเวลาที่สมเด็จพระบรมราชินีประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้เพียงลำพังพระองค์ ที่ฝาผนังตอนใกล้เพดานและเพดานมีจิตรกรรมแบบอาร์ตนูโว
เมื่อมองออกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานไปยังสนามหน้าพระราชวัง
จะเห็นพระที่นั่งโถงแบบใบเซนไทน์ มีนามว่า พระที่นั่งเทวราชสภารมย์
ซึ่งเป็นท้องพระโรงเดิมในสมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประทับ ณ วังพญาไท
พระที่นั่งอุดมวนาภรณ์
พระที่นั่งนี้ถูกสร้างขั้นในระยะหลัง มีลักษณะเรียบง่าย
ต่อมาได้เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าสุวัฒนา พระวราชเทวี ในรัชกาลที6 และพระสุจริตสุดา พระสนมเอก
ปูชนียวัตถุ
ที่สำคัญคือ รูปหล่อ “ท้าวหิรัญพนาสูร” ซึ่งมีตำนานว่าเป็นอสูรผู้ติดตามอารักขาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่ครั้งยังทรงเป็นมงกุฎราชกุมาร ครั้นพระราชมณเฑียแล้วเสร็จ ได้โปรดเกล้าให้หล่อรูปสมมุติขึ้นด้วยสัมฤทธิ์ มีพิธีบวงสรวง เชิญท้าวหิรัญพนาสูรเข้าสถิตพื่อเป็นเทพารักษ์ประจำพระราชวังสืบไป
ที่สำคัญคือ รูปหล่อ “ท้าวหิรัญพนาสูร” ซึ่งมีตำนานว่าเป็นอสูรผู้ติดตามอารักขาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่ครั้งยังทรงเป็นมงกุฎราชกุมาร ครั้นพระราชมณเฑียแล้วเสร็จ ได้โปรดเกล้าให้หล่อรูปสมมุติขึ้นด้วยสัมฤทธิ์ มีพิธีบวงสรวง เชิญท้าวหิรัญพนาสูรเข้าสถิตพื่อเป็นเทพารักษ์ประจำพระราชวังสืบไป
สวนโรมัน ตรงกลางสระน้ำมีรูปพระวรุณ เพทแห่งฝนและสัตว์น้ำ
ฐานสูงที่รองรับมีรูปปูนปุ้นพญานาค
เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงออกแบบ
ปี 2486 พระราชทานพญาไทถูกแปรสภาพเป็น
โฮเท็ลพญาไทตามพระราชดำริของรัชกาลที่ 6
เพื่อรองรับชาวต่างชาติ
ปี 2473 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้จัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกขึ้น
และมีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุครั้งแรกของประเทศไทย ที่พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน
หลักการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 พระราชวังนี้ใช้เป็นสถานพยาบาลของกองทัพบก
ซึ่งก็คือโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในปัจจุบัน
พระที่นั่งองค์นี้มีทางเชื่อมต่อกับพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ในชั้นที่
2 โดยชั้นที่ต่อเติมขึ้นมาในภายหลังจัดเป็นห้องบรรมทมและห้องสรงส่วนพระองค์
ร้านกาแฟ นรสิงห์ ณ วังพญาไท
เสร็จแล้วไปคลายร้อนหน่อยที่ร้านกาแฟ นรสิงห์ ณ วังพญาไท สวย หรู มากค่ะ ร้านกาแฟนรสิงห์เป็นร้านกาแฟแรกในประเทศไทยเดิมอยู่แถว ถ.เสือป่า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เลิกกิจการไปในสมัยรัชกาลที่ 7 ร้านกาแฟที่อยู่ในวังพญาไทสร้างขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศเก่าๆให้ชาวกรุงได้รำลึกถึง ใช้อาคารเทียบรถพระที่นั่งเป็นที่ตั้งร้าน และทำการตกแต่ง สร้างเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยเลียนแบบลักษณะของเฟอร์นิเจอร์เก่าในสมัยรัชกาลที่ 6 และใช้ชื่อร้านว่า ร้านกาแฟ เดอ นรสิงห์ ณ วังพญาไท สิ่งที่พิเศษที่สำคัญของร้านกาแฟนรสิงห์คือ เก้าอี้ไม้ที่มีพระนามาภิไทยย่อ “รร.” ซึ่งมาจากคำว่า “รามราชาธิบดี” ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเราไม่สามารถหานั่งที่ไหนได้ วันที่ไปไม่ได้สังเกตค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น